ฮอนด้าชวนชุมชนปลูกป่า 3,000 ต้น เติมชีวิตใหม่ให้ป่าชุมชนบ้านหว้าเอน

รู้ยังตอนนี้คนไทยมีป่าเพิ่มขึ้นอีก 3,000 ต้นแล้วนะ! เพราะล่าสุดทาง ฮอนด้าออโตโมบิล เขาชวนชุมชนบ้านหว้าเอน อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี มาร่วมกันปลูกต้นไม้กว่า 3,000 ต้นในพื้นที่ป่าชุมชนราว 13 ไร่เลยทีเดียว ซึ่งพื้นที่ตรงนี้เป็น ‘ป่าชุมชน’ ด้วยนะ

ป่าชุมชนเป็นเหมือนเส้นเลือดหล่อเลี้ยงชีวิตให้กับหลายชีวิตน ทั้งเป็นแหล่งอาหาร ยา สมุนไพร ที่ชาวบ้านพึ่งพามาตลอดรุ่นต่อรุ่น แถมยังเป็นกันชนธรรมชาติที่ช่วยลดผลกระทบเวลาฝนตกหนัก หรือน้ำหลาก พูดง่าย ๆ ป่าชุมชนไม่ใช่แค่เรื่องต้นไม้ แต่คือเรื่องการอยู่รอดของคนในพื้นที่ด้วย

แต่ป่าเหล่านี้ก็หนีไม่พ้นจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่รุนแรงขึ้น รวมถึงการใช้ประโยชน์เพื่อหากิน ก็อาจจะทำให้พื้นที่บางส่วนเสื่อมโทรมลงไปบ้าง แม้ว่าทางชุมชนจะพยายามดูแล และฟื้นฟูแล้วก็ยังไม่เพียงพอ แถมยังต้องพึ่งแรงและทรัพยากรจำนวนมากด้วย

ตรงนี้เองที่ทาง ‘ฮอนด้าออโตโมบิล’ เขาเข้ามาสนับสนุน เป็นอีกหนึ่งกำลังให้ชุมชนบ้านหว้าเอน ได้ฟื้นฟูป่าอีกกว่า 13 ไร่ ฟังตัวเลขแล้วอาจจะดูเป็นกิจกรรมปลูกป่าทั่วไป แต่ถ้ามองลึกลงไป มันมีอะไรมากกว่านั้นเยอะ

เพราะ พื้นที่ตรงนี้เป็นป่าชุมชนที่ชาวบ้านช่วยกันดูแลกันมานาน พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าเบญจพรรณ มีต้นไม้ท้องถิ่นอย่างประดู่ มะไฟ ยางนา ตะเคียน ขี้เหล็ก ที่พอมีอยู่แล้ว แต่ก็ยังต้องการการฟื้นฟูเพิ่มเติม 

พอฮอนด้ามาทำกิจกรรมตรงนี้ก็เลยเหมือนได้ต่อยอดสิ่งที่ชุมชนอยากทำอยู่แล้ว ต้นไม้ที่เลือกปลูกก็ไม่ได้สุ่มเลือกนะ แต่เป็นพันธุ์ไม้ที่เหมาะกับพื้นที่จริง ๆ  ทั้งไม้โตเร็วอย่างขี้เหล็ก ไม้โตปานกลางอย่างสัก และยางนา ไปจนถึงไม้โตช้าอย่างพะยูงและตะเคียนทอง 

ที่สำคัญคือไม่ได้ปลูกแล้วปล่อยทิ้งร้างไว้ แต่เขาได้มีการวางแผนร่วมกับชุมชนเพื่อดูแลอย่างต่อเนื่อง ทั้งการสำรวจคาร์บอน การติดตามความหลากหลายทางชีวภาพ และการจัดการไฟป่า 

ชุมชนเองก็มีคณะกรรมการป่าชุมชนที่ผู้หญิงกับเยาวชนเข้ามามีบทบาทด้วย ถือว่าเป็นการสร้างคนไปพร้อมกับสร้างป่าเลยด้วย

 

สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างคือ ฮอนด้าไม่ได้ทำแค่เพราะอยากทำ CSR ให้ครบเช็คบ็อกซ์เฉย ๆ  แต่ยังเชื่อมโยงกับเป้าหมายใหญ่ของบริษัทที่เรียกว่า Honda Target 2050 ซึ่งวางไว้ว่าในปี 2593 หรือปี 2050 

ว่าจะทำให้กิจกรรมและผลิตภัณฑ์ของตัวเองปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ พร้อมกับลดการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนถนนให้เหลือศูนย์ด้วยเหมือนกัน พูดง่ายๆ ก็คือจะเป็นทั้งสังคมปลอดมลพิษ และปลอดอุบัติเหตุไปพร้อมกัน การปลูกป่าครั้งนี้เลยเหมือนเป็นอีกก้าวเล็กๆ ที่เดินไปในทิศทางนั้น

ลุงว่าถ้าเราได้เห็นกิจกรรมแบบนี้เกิดขึ้นต่อเนื่องในหลายๆ พื้นที่ มันก็คงช่วยให้เป้าหมายเรื่องสังคมคาร์บอนต่ำไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไปจ้า